สิ่งใดอยู่ใกล้....ไร้คุณค่า
ดูเหมือนจะจริงอย่างที่เค้าพูดกันนะคะ
“สิ่งใดอยู่ใกล้ มักไม่รู้คุณค่า ต่อเมื่อจากไปไกลตา ได้แต่ห่วงหาอาวรณ์” ความหมายตามนั้นเลยค่ะ
อะไรที่มันอยู่ใกล้ๆ ไม่ว่ามันจะดี
มันจะมีประโยชน์เพียงไหนก็ตาม คนที่อยู่ใกล้มักมองข้ามไปเสมอ เนื่องจากมันใกล้เกินไป ใกล้จนชิน
จนไม่คิดถึงความสำคัญของคนใกล้ตัว
เราคิดว่าทุกคนคงเคยเป็น อาการมองข้ามคนใกล้ตัว ซึ่งดีกะเราที่สุด
มองข้ามเพราะเค้าอยู่ใกล้เกินไป
คิดเสมอว่ายังไงๆ ซะ เค้าก็ต้องอยู่ตรงนั้น ฉะนั้น
ถึงจะไม่ใส่ใจก็คงไม่เป็นไร เพราะเค้าคงไม่ไปไหน จะบอกเลยว่าเป็นการคิดที่ผิดมหันต์ค่ะ แต่เรื่องพวกนี้ บางทีเราพูดไปอาจจะเข้าใจยาก
หรือไม่เข้าใจ บางทีต้องเจอกับตัวเอง แล้วจะรู้ว่าที่เราพูดถึงนี่จริงที่สุด เราเคยเจอมากับตัวเองหลายครั้งหลายหน ในสถานะต่างๆ กัน
เมื่อเราเป็นลูก ตอนโตที่จะรู้ความ มีเพื่อน
เราเห็นเพื่อนสำคัญกว่าคนในครอบครัว
ไม่เชิงว่าสำคัญกว่าพ่อแม่ เพียงแต่เราอยากอยู่กับเพื่อนมากกว่า อยากคุยกับเพื่อนมากกว่า ทั้งๆ ที่เพื่อนไม่ได้ทำกับข้าวให้เรากิน เพื่อนไม่ได้ให้เงินเราใช้ เพียงแต่พ่อแม่มีกฎข้อบังคับ
เราเลยไม่ค่อยอยากอยุ่กับพ่อแม่
ไม่อยากคุย ไม่ค่อยเห็นความสำคัญ
หรือความดีที่ท่านพยายามทำกับเราหวังดีกับเรา
มองย้อนกลับไปถ้าเราคิดได้แบบวันนี้ เราจะรักท่านให้มาก
ทำดีกับท่านให้มากเท่าที่เราจะทำได้ เพราะเราไม่รู้เลยว่าจะมีท่านอยู่กับเราไปอีกนานแค่ไหน
เมื่อเราเป็นภรรยา สถานะนี้เราเหมือนโดนกระทำมากกว่า เหมือนกับคนรอบข้างไม่ค่อยเห็นความสำคัญของเรา
เห็นเราเป็นเพียงแค่ ภรรยา ซึ่งต้องทำหน้าที่ภรรยา ทำหน้าที่แม่บ้าน ให้ได้ครบถ้วน และสมบูรณ์
มีหน้าที่ทำทุกอย่างที่จะอำนวยความสะดวกทุกคนภายในบ้าน บางครั้งรู้สึกเสียใจ รู้สึกน้อยใจ ว่าทำไมคนที่อยู่ใกล้ตัวเราที่สุดไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องมีเราอยู่
ขณะเดียวกับคนอื่นที่อยู่นอกครอบครัว กลับเห็นว่าเรามีค่า มีความสำคัญ แต่พอเหตุการณ์นั้นๆ ผ่านไป
เราก็ลืม พอเกิดขึ้นอีกครั้ง ก็รู้สึกอีก
อย่างนี้เรื่อยมา
เมื่อเราเป็นแม่.....เรารู้สึกตัวเองไม่ให้ความสำคัญกับลูกในบางครั้ง
เช่น พูดกับหลานเพราะกว่าลูกตัวเอง อันนี้เหมือนกับว่าลูกเราเองไม่เป็นไร
แต่ที่จริงแล้ว เราคิดผิดเอง
คนใกล้ตัวเรานี่สิ ที่เรายิ่งต้องพูดเพราะ และดูแลให้ดี
เพราะเค้าเป็นลูกของเรา ไม่ใช่คนอื่น เป็นคนในครอบครัว ขณะเดียวกันในบางโอกาส เราก็รุ้สึกว่า เราถูกลูกๆ เราเอง
มองข้ามความสำคัญที่เราเป็นแม่ เช่น เชื่อเราน้อยกว่า เชื่อเพื่อน
รู้สึกว่าลูกไม่ค่อยอยากคุยกับเราเหมือนที่อยากคุยกับเพื่อนเลย
พอนึกถึงตรงนี้ เหมือนหนังฉายย้อนหลัง
เมื่อครั้งสมัยเราเป็นเด็ก
เราเป็นลูก ที่ไม่ค่อยอยากคุยอะไรกะพ่อแม่มากนัก แต่พอกับเพื่อน
เรามีเรื่องคุยได้ไม่จบ ไม่สิ้น ตอนนั้น
พ่อแม่คงคิดน้อยใจลูกอย่างที่เราเป็นอยู่ตอนนี้
คิดแล้วสงสารพ่อแม่ขึ้นมาแบบบอกไม่ถูก
ตอนนี้มันย้อนกลับมาให้เรารู้สึกเช่นนั้นแล้ว
เรื่องเหล่านี้
ไม่ใช่ว่าเราสามารถรู้สึก และสำนึกได้เอง ตามวัย
ต้องบอกเลยว่ามันไม่ใช่
กว่าเราจะคิดได้ มันก็ล่วงเลยผ่านวัยเด็ก วัยรุ่น และเป็นผู้ใหญ่ จนเป็นแม่คน
และเราก็รู้สึกว่าทุกคนก็น่าจะเป็นแบบนี้
คือไม่เจอกับตัวเองจะไม่รู้สึกเลยว่า
สมัยก่อน พ่อแม่เคยเสียใจ น้อยใจพวกเราแค่ไหน คำตอบที่เคยถามว่าทำไมเมื่อตอนเด็กๆ เช่น
ทำไมแม่ไม่ยอมให้ออกไปเล่นข้างนอก
ทำไมพ่อไม่ยอมให้ไปบ้านเพื่อน
จะหวงอะไรหนักหนา
ตอนนี้คำตอบมันออกมาเป็นฉากๆ ให้เราได้รุ้
รู้จากเหตุการณ์จริงที่สัมผัสได้ในปัจจุบัน
ที่อยากเล่าให้ทุกคนได้รับรู้ เพียงเพราะอยากให้เราเข้าใจคนใกล้ตัว และให้ความสำคัญกับคนใกล้ตัว รักเค้าให้มาก
เพราะเมื่อเราล้ม เราเจ็บ คนใกล้ตัว
หรือคนในครอบครัวเท่านั้นที่จะคอยพยุง
คอยดูแล เพื่อน หรือ คนนอกครอบครัว
เค้าอาจจะมาช่วย มาดูแลบ้าง แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมดค่ะ วันนี้เรารู้แล้วว่า
เราควรรักคนในครอบครัว และให้ความสำคัญกับเค้าแค่ไหน บางคนก็อยู่ให้เราได้รักและดูแล บางคนก็ไม่อยู่เสียแล้ว ถึงแม้เราจะรู้สึกเสียใจ
แต่เราก็ย้อนเวลากลับไปไม่ได้
ฉะนั้นวันนี้
อย่าปลอ่ยให้มันผ่านไปอย่างไร้ค่า
เรามามองให้เห็นถึงความรัก ความหวังดี ของคนในครอบครัวกันนะคะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น